ผอ.รพ.ย้ายเภสัชไปแผนกอื่น เซ่นคลิปโยนยา
ผอ.รพ.บาเจาะ แจงปมคลิปเภสัชฯโยนยาให้ประชาชน หลังถูกแชร์ว่อนโลกโซเชียล ล่าสุดให้ย้ายไปทำแผนกอื่นชั่วคราว
- จากกรณีมีการเผยแพร่คลิปเภสัชกรที่ห้องจ่ายยาของโรงพยาลบาเจาะ จ.นราธิวาสโยนยาให้ชายไทยมุสลิมคนหนึ่ง ซึ่งไปรับบริการ โดยคลิปดังกล่าวถูกแชร์ว่อนในโลกโซเชียล และจากการตรวจสอบพบว่าเป็นคลิปที่เกิดขึ้นที่โรงพยาบาลบาเจาะจริง เนื่องจากเป็นระบบการให้บริการที่ป้องกันการติดเชื้อไวรัสโควิด-19
ล่าสุดวันนี้ (3 มิ.ย.63) นายแพทย์ดือรามัน บินสะมะแอ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลบาเจาะ ได้ให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าวทางโทรศัพท์ถึงกรณีคลิปที่เกิดขึ้นว่า ทราบเรื่องแล้วตั้งแต่มีคลิปเผยแพร่ออกไปในโลกโซเชียล ตนเองยอมรับว่าเกิดขึ้นที่ รพ.บาเจาะจริง และยอมรับว่าเป็นการโยนยาให้ผู้มารับบริการซึ่งเป็นชายสูงอายุคนหนึ่งจริง เพียงแต่ลักษณะของการโยนเนื่องจากมีแผ่นสไลเดอร์ที่ทางโรงพยาบาลแก้ปัญหาเฉพาะหน้าแบบกะทันหัน แต่ขอชี้แจงว่าเภสัชกร คนนี้กับผู้ใช้บริการมองเห็นหน้ากัน เพียงแต่การรับยาเท่านั้นที่เราใช้สไลเดอร์มาใช้ในการรองรับยาเพื่อความสะดวก แต่เนื่องจากเภสัชกรคนนี้ตัวเล็กอาจจะไม่ถนัดในการยื่นยาให้ตรงช่องรับยา จึงต้องใช้วิธีการโยนยาด้วยความไม่ตั้งใจ
“ต้องชี้แจงว่าเป็นการกระทำที่ดูไม่เหมาะสมแต่น้องเค้าไม่ได้จงใจจะโยนยาให้คนไข้ หลังจากคลิปเผยแพร่ผมเองได้เรียกน้องเภสัชฯคนนี้มาสอบถามถึงข้อเท็จจริง ซึ่งเภสัชฯยอมรับว่าโยนเพราะตนเองตัวเล็กจึงไม่ถนัด โดยผมเองได้ตักเตือนด้วยวาจาและลายลักษณ์อักษรไปแล้ว และให้เค้ากลับไปทบทวนการทำหน้าที่ของตนเอง แต่ขณะนี้ตนเองได้ย้ายเภสัชกรคนนี้ให้ไปทำหน้าที่ฝ่ายอื่นก่อนเป็นการชั่วคราว และสภาพจิตใจของน้องเภสัชฯตอนนี้เครียดมาก ไม่คิดว่าจะมีเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้น” ผอ.รพ.บาเจาะกล่าวโดยบอกว่า ขออนุญาตที่จะไม่เปิดเผยชื่อของเภสัชกรคนนี้ เกรงว่าจะได้รับผลกระทบทางจิตใจมากไปกว่านี้
นอกจากนี้ นพ.ดือรามัน ผอ.รพ.บาเจาะยังกล่าวอีกว่า ทางโรงพยาบาลไม่ได้นิ่งนอนใจ และในนามของโรงพยาบาลบาเจาะก็ต้องขอโทษทุกคน ซึ่งเหตุการณ์นี้ทางเภสัชกรไม่มีเจตนาจะดูถูกประชาชน แต่หลังจากเกิดเหตุการณ์นี้ขึ้นตนเองได้แก้ไขระบบการจ่ายยาใหม่ โดยเปลี่ยนเอาสไลเดอร์ออกมาเป็นใช้แผ่นพลาสติกปิดกั้นเอาไว้ โดยใช้แผ่น Face Shield สวมอีกชั้นนึง อย่างไรก็ตาม ผอ.รพ.บาเจาะยังกล่าวขอบคุณคนที่ถ่ายคลิปและแชร์ในโลกโซเชียล
“ผมไม่โกรธเขานะ ต้องขอบคุณด้วยซ้ำไป ต่อจากนี้ไปทำอะไรต้องระมัดระวังมากขึ้น โซเชียลน่ากลัว ตอนนี้กำลังพยายามติดตามตัวชายมุสลิมคนนี้อยู่ว่าอาศัยอยู่ที่ไหน เพราะจะได้เข้าไปทำความเข้าใจให้ถูกต้อง จะได้ไม่เกิดความรู้สึกที่ไม่ดีต่อโรงพยาบาล ซึ่งเป็นสถานที่ให้บริการแก่ประชาชนในยามเจ็บไข้ได้ป่วย”
Powered by Froala Editor